Parts of speech (พาร์ท ออฟ สพีชฺ) ส่วนของคำพูด
Part of Speech
คือ
ส่วนที่ประกอบออกมาเป็นคำพูด ประกอบกันออกมาเป็นประโยค ซึ่งมีหน้าที่และตำแหน่งที่แตกต่างกันไปในประโยค
Part of Speech ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ
8
ชนิด คือ
1.
คำนาม (Noun)
2.
สรรพนาม (Pronoun)
3.
คำคุณศัพท์ (Adjective)
4.
กริยา (Verb)
5.
บุพบท (Preposition)
6.
กริยาวิเศษณ์ (Adverb)
7.
คำสันธาน (Conjunction)
8.
คำอุทาน (Interjection)
1. Noun – คำนาม
คือ คำที่ใช้เรียก ชื่อ คน สัตว์ วิ่งของ
สถานที่ หรือเหตุการณ์ รวมถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม (อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด
สถาวะ)
คน – เช่น ชื่อคน Gary (แกรี่),
James (เจมส์), Peter (ปีเตอร์), David
(เดวิด)
สัตว์ – เช่น elephant (ช้าง),
dog (หมา), bird(นก), penguin (เพนกวิน)
สิ่งของ – เช่น boat (เรือ),
house (บ้าน), car (รถยนต์), computer
(คอมพิวเตอร์), book (หนังสือ)
สถานที่ – เช่น hospital (โรงพยาบาล),
restaurant (ร้านอาหาร), police station (สถานีตำรวจ),
school (โรงเรียน), train station(สถานีรถไฟ)
ความรู้สึก – เช่น love (ความรัก),
loyalty (ความซื่อสัตย์), success (ความสำเร็จ),
friendship (มิตรภาพ)
2. Pronoun – คำสรรพนาม
คือ คำที่ใช้แทนคำนาม
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้คำนามนั้นซ้ำเวลาพูดถึงอีกในประโยคอื่นๆ มีทั้งอยู่ในรูป Subject (ประธาน) และ Object
(กรรม)
Subject (ประธาน) : I, She, He, We, They,
You, It
Object (กรรม) : me, her, him, us, them
3. Verb – คำกริยา
คือ การกระทำ หรือคำที่แสดงอาการทางกาย ทางใจ
หรือบ่งบอกถึงทางสถาวะ
การกระทำ : run (วิ่ง), smell(ดม),
eat (กิน), drunk (ดื่ม)
แสดงอาการทางใจ : feel (รู้สึก), think (คิด)
สภาวะ : have (มี), exist (มีอยู่)
4. Adverb – คำวิเศษณ์
คือ คำที่ใช้ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์
เพื่ออธิบายข้อมูลเพิ่มเติม ในเชิงความถี่ เวลา สถานที่ หรือกริยาอาการต่างๆ
Adverb of manner (คำวิเศษณ์ที่บอกในเรื่องการกระทำ)
: slowly (ช้าๆ), quickly (รวดเร็ว)
Adverb of frequency (คำวิเศษณ์ที่บอกในเรื่องความถี่)
: everyday (ทุกๆวัน), often (บ่อยๆ),
sometimes (บางเวลา)
5. Adjective – คำคุณศัพท์
คือ คำที่วางไว้หน้าคำนาม
หรือสรรพนามเพื่อขยายความเหล่านั้นในเชิงลักษณะ คุณภาพ ปริมาณ เป็นต้น
เช่น good (ดี), beautiful (สวย),
young (หนุ่มสาว วัยรุ่น)
6. Preposition – คำบุพบท
คือ คำที่ใช้เชื่อคำนาม สรรพนาม
หรือวลีเข้าด้วยกัน
เช่น in, inside, out, outside, above, under, on, to
7. Conjunction – คำสันธาน
คือ คำที่ใช้เชื่อมคำ (Words) กลุ่มคำ (Phases) หรือ ประโยค (Sentences) เข้าด้วยกัน
เช่น and, or, but, although (แม้ว่า), when (เมื่อ), after
8. Interjection – คำอุทาน
คือ คำที่ใช้เพื่อแสดงอารมณ์
ความรู้สึกของผู้พูดออกมา โดยมักจะใช้เครื่องหมายตกใจ ! (Exclamation mark)
เช่น Wow! (ว้าว), Great! (ดีเยี่ยม),
Awesome! (สุดยอด)
My name is Tom. (นาม)I am American. (สรรพนาม)I’m tall and slim. (คุณศัพท์)I can play tennis. (กริยา)And I can run fast. (กริยาวิเศษณ์)I love Thailand and Thai people. (สันธาน)It’s hot in April. (บุรพบท)Well!! I must go now. Bye. (อุทาน)
สรุปแล้ว parts of speech คือ คำชนิดต่างๆ
ซึ่งมีด้วยกัน 8 ชนิด
1. Noun (คำนาม) คือคำที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ (รวมถึง ชื่อของคน สัตว์
สิ่งของ สถานที่)o
คน เช่น boy girl man student
doctor king father/ John Sam Ted Tomo
สัตว์ เช่น dog
cat bird tiger / Simba Kittyo
สิ่งของ เช่น TV
radio fan car soap / Sony Samsung Luxo
สถานที่ เช่น market
bank city country / London Thailand England2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คำที่ใช้แทนคำนามด้านบน เช่น I you he she it this
that3. Adjective (คุณศัพท์) คือคำที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เช่น tall short small big4. Verb (กริยา) คือคำที่ใช้แสดงการกระทำ เช่น go come run walk5. Adverb (กริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้อธิบายการกระทำว่าทำอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่
เช่น fast slowly here there today yesterday6. Conjunction (คำสันธาน) คือคำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เช่น and but or so7. Preposition (คำบุรพบท) คือคำที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ของคำ เช่น in on at by from8. Interjection (คำอุทาน) คือคำที่ใช้แสดงอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ เสียใจ เช่น wow eh
um
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น